สรุป มติคณะรัฐมนตรีวันที่ 24 ธันวาคม 2567
1. แก้ไขปัญหาคนต่างด้าว มติ 3 ตุลาคม 2566 ที่ทำบัตรชมพูไม่ทัน ให้สามารถต่ออายุตามมติ 24 กันยายน 2567 โดยไม่ต้องใช้บัตรชมพู
2. คนต่างด้าวที่ขึ้นทะเบียนใหม่ มติ 24 กันยายน 2567 ต้องไปพิสูจน์สัญชาติเพื่อให้ได้รับหนังสือเดินทาง และ ลงตราวีซ่า ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2569
โดยคนต่างด้าวที่ขึ้นทะเบียนใหม่ตามมติ ครม. 24 กันยายน 2567 ต้องดำเนินการเพิ่มอีก 2 ขั้นตอน ดังนี้
เรื่อง การแก้ไขข้อขัดข้องให้กับคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 และการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวและประทับตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงาน (รง. ) เสนอ เรื่อง การแก้ไข ข้อขัดข้องให้กับคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 และการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวและประทับตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ซึ่งประกอบด้วยเรื่องดังต่อไปนี้
1. การแก้ไขข้อขัดข้องให้กับคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 ที่ดําเนินการครบทุกขั้นตอนแต่ไม่สามารถจัดทําหรือปรับปรุงทะเบียนประวัติได้ ตามระยะเวลาที่กําหนด และร่างประกาศที่เกี่ยวข้อง รวม 2 ฉบับ ได้แก่
1.1 ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ สําหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 ที่ดําเนินการครบทุกขั้นตอนแต่ไม่สามารถจัดทํา หรือปรับปรุงทะเบียนประวัติได้ตามระยะเวลาที่กําหนดตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ …
1.2 ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทํางานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ สําหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งได้รับอนุญาตให้ทํางานถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 (ฉบับที่ ..)
2. แนวทางการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวและประทับตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ให้กับคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทํางานตามมติคณะรัฐมนตรี และร่างประกาศที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สําหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 (ฉบับที่ ..)
3. ให้ รง. โดยกรมการจัดหางาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และความเข้าใจให้นายจ้าง/ผู้ประกอบการ แรงงานต่างด้าว และผู้ที่เกี่ยวข้องรับทราบข้อมูลการดําเนินการดังกล่าวอย่างทั่วถึง
สาระสำคัญของเรื่อง
เรื่องที่กระทรวงแรงงานเสนอ เป็นมาตรการเพื่อให้คนต่างด้าวสามารถทำงานในราชอาณาจักรต่อไปได้ ซึ่งจะเป็นการรักษากําลังแรงงานภายในประเทศเพื่อมิให้การขาดแคลนแรงงานทวีความรุนแรงมากขึ้นจนกระทบกับเศรษฐกิจของประเทศซึ่งมีสาระสําคัญ ดังนี้
1) การแก้ไขข้อขัดข้องให้กับคนต่างด้าวไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ตามบัญชีรายชื่อที่นายจ้างได้ยื่นความต้องการจ้างแรงงานไว้ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 ซึ่งมีบางส่วนที่ได้ดําเนินการตามขั้นตอนที่มติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวกําหนดแล้ว แต่ยังมีอีกจํานวนประมาณ 200,000 คน ที่ยังไม่สามารถจัดทําหรือปรับปรุงทะเบียนประวัติ (บัตรชมพู) ได้ทันภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2567 ส่งผลให้กลุ่มคนต่างด้าวดังกล่าว มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมายจึงกําหนดให้กลุ่มคนต่างด้าวดังกล่าวได้รับการผ่อนผันให้ทํางานและอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไปได้ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อให้สามารถต่ออายุใบอนุญาตทํางานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 โดยจะต้องยื่นคําขอภายในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 และจะได้รับอนุญาตให้อยู่และทํางานในราชอาณาจักรได้ต่อไป เป็นระยะเวลา 2 ปี และสามารถต่ออายุได้อีก 2 ปี รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 4 ปี
2 ) การแก้ไขข้อขัดข้องให้คนต่างด้าวไม่ถูกต้องตามกฎหมายตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 ซึ่งกำหนดแนวทางการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวและประทับตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ให้กับคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทํางานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่24 กันยายน 2567 ซึ่งเป็นกลุ่มคนต่างด้าวที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมาย คือ กลุ่มคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายการอนุญาตให้อยู่และทำงานในราชอาณาจักรสิ้นสุดลง และที่เข้ามาในราชอาณาจักร โดยถูกกฎหมายแต่ทํางานกับนายจ้างโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อได้รับอนุญาตทํางานและมีการจัดเก็บอัตลักษณ์บุคคล และจัดทําหรือปรับปรุงทะเบียนประวัติและออกบัตรประจําตัวคนแล้ว จะต้องไปดําเนินการเพิ่มเติมเกี่ยวกับการพิสูจน์สัญชาติเพื่อให้ได้รับหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง และตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวและประทับตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว โดยอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวถึงวันที่ 31 มีนาคม 2569